Drip vitamin ผิวแต่ละสูตรแตกต่างกันยังไง??

การดริปวิตามิน คืออะไร??

การดริปวิตามินผิวหรือ IV VITAMIN DRIP เป็นการเติมวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระประเภทต่างๆให้แก่ผิว ผ่านการให้น้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือดดำของเราโดยตรง  ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินได้โดยตรง และรับวิตามินได้มากถึง 90% ซึ่งได้มากกว่าการรับประทานวิตามิน ที่ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้เพียง 50% เท่านั้น

Vitamin ของ BLUE APPLE มีกี่สูตร แตกต่างกันยังไง

สูตรAURA BRIGHT สีชมพู

การผสมผสานระหว่าง  กลูต้าไธโอน+VITAMIN B12 +VITAMIN C

ช่วยในการฟื้นฟูผิวสภาพผิวจากการหมองคล้ำจากแดด สีผิวดำ พันธุกรรม ให้ขาวกระจ่างใส

สูตร VITAMIN WHITE สีส้ม

การผสมผสานระหว่าง  กลูต้าไธโอน+VITAMIN B12 +VITAMIN C+วิตามินรวม+กรดทรานซามิค

ต้องการเร่งขาวแบบด่วน จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ ลดเม็ดสีดำให้ขางลง สิวแห้งง่าย

สูตรWINK WHITE PLUS สีเหลือง

การผสมผสานระหว่างกลูต้าไธโอน+VITAMIN B12 +VITAMIN C+วิตามินรวมสูตรเข้มข้น

วิตามินเข้มข้น หลักๆจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยระบบทางเดินหายใจ ช่วยในการขจัดสารพิษ จึงส่งผลต่อผิวพรรณ ทำให้มีความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวนุ่มลื่นน่าสัมผัส

 ต้องดริปกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

แนะนำว่าควรดริป สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 4-5 โดส

คนที่พึ่งเริ่มดริปวิตามินแนะนำว่าให้ DRIPสัปดาห์ละ1ครั้ง นาน 1เดือน หลังจากนั้นให้DRIP 2สัปดาห์ครั้ง นาน2เดือนและเดือนละ 1 ครั้ง

1 dose รู้สึกผิวนุ่มลื่นขึ้น

2dose ผิวใสรู้สึกได้

3 dose ขาวกระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัด

4-5 dose เห็นความแตกต่างแน่นอน

ข้อดีของการ DRIP VITAMIN ผิว

  • สามารถซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้มากถึง 90% ซึ่งมากกว่าวิธีอื่นๆเช่นการทานวิตามิน หรือทาครีมบำรุงผิว
  • ออกฤทธิ์เร็ว ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็ว
  • เป็นการบำรุงจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใส เนียนนุ่ม
  • บำรุงผิวและร่างกายได้อย่างครอบคลุม
  • สามารถขับออกได้เองตามธรรมชาติของระบบร่างกาย มีความปลอดภัยสูง

การดริปวิตาผิวเหมาะกับใครบ้าง??

  • เหมาะกับคนที่ต้องการบำรุงจากภายใน
  • คนที่ต้องการบำรุงผิวเร่งด่วน ซึ่งการDRIP VITAMIN ผิว สามารถช่วยได้อย่างมาก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

การ ดริปวิตาผิวไม่เหมาะกับใครบ้าง??

  • คนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาหรือวิตามินที่เป็นส่วนประกอบในตัวยาวิตามิน
  • ผู้ที่มีภาวะเอนไซน์บกพร่อง และผู้ที่มีภาวะเหล็กเกิน -คนไข้ที่มีโรคประจำตัวและต้องกินยาประจำ เช่น โรคความดันโลหิตต่ำ โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต

การดูแลหลังทำ

  • หลังให้วิตามินผิวควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดที่แรงจัด เพื่อป้องกันผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด หรือควรทาครีมกันแดดเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ผิวนั้นกลับมาคล้ำเสียอีกได้
  • งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีสารที่เป็นอันตรายต่อผิวและร่างกาย ทำให้ผิวถูกทำร้ายได้
  • ควรดื่มน้ำประมาณ 1-2 ลิตร เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว
  • หลังทำเสร็จให้งดการกด นวด หรือถูบริเวณที่ทำ
  • หลังทำเสร็จอาจเกิดรอยแดง เขียวช้ำจากเข็มตรงบริเวณที่ทำได้ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นได้เอง
แชร์บทความนี้: